ลูเซียง ฟาฟร์ อัพเดทข่าวกีฬากับ ijubes.com หลังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานย่ำแย่จนปัจจุบันรั้งอันดับ 6 ของตาราง จนถูกแฟนบอลและสื่อออกมาวิจารณ์อย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แถมยังมีปัญหากับนักเตะภายในทีมโดยเฉพาะ ปอล ป็อกบา สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส จนถูกจับนั่งสำรองเรียบร้อย
จากผลงานดังกล่าวทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับบรรดากุนซือคนใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่ง ลูเซียง ฟาฟร์ (Lucien Favre) กุนซือจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คืออีกหนึ่งกุนซือน่าสนใจที่ถูกสื่อต่างประเทศจับมาเชื่อมโยงกับการเข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทน มูรินโญ่ ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมด้วยเหตุผลเหล่านี้
1. ไดเร็คฟุตบอล
กุนซือชาวสวิตฯทำให้ผู้เล่นของเขามีเอกลักษ์ที่ชัดเจนประกอบไปด้วยแข้งที่สร้างความแข็งแกร่งในแนวรับบวกกับเกมรุกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเจ้าตัวมักจะใช้ระบบ 4-2-3-1 และน่าจะเข้ากับทีม “ปีศาจแดง” ในปัจจุบัน แม้ว่าการครอบครองบอลไม่ใช่จุดเด่นของดอร์ทมุนด์ภายใต้การคุมทัพของ ฟาร์ฟ ในตอนนี้ แต่พวกเขาก็มีค่าเฉลี่ยครองบอลอยู่ที่ราว 56 เปอร์เซ็นต์ และชอบเติมเกมจากแผงหลัง หัวใจของแผนนี้คือการรู้หน้าที่ในการตัดเกม, แย่งการครองบอลกลับมา และครองบอลไปกับเซนเตอร์แบ็กในการดันขึ้นสูง
จุดเด่นของทีมชุดนี้ของทีม “เสือเหลือง” คือการจ่ายบอลไปยังปีกทั้งสองฝั่งโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากมาใช้ในทีม “ปีศาจแเดง”จะทำให้ มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ อเล็กซิส เป็นผู้เล่นในตำแหน่งนี้ที่จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของ ฟาร์ฟ และโชว์ศักยภาพได้ดีกว่าเดิม พร้อมกับ ป็อกบา, มาต้า และ ลินการ์ด ที่จะถูกจับมายืนเป็นมิดฟิลด์หลังกองหน้าตัวเป้า ทำเกมสนับสนุน ลูกากู ได้มากขึ้น
ในฐานะผู้จัดการทีม ฟาฟร์ คือการผสมผสานอย่างลงตัวในเรื่องแท็คติก และทักษะในการบริหารจัดการนักเตะ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้เขาเป็นกุนซือที่เหมาะสมในการมากอบกู้วิกฤตของแมนฯ ยูไนเต็ดต่อจากมูรินโญ่
2. ถนัดเรื่องการรีดฟอร์มนักเตะ
หลังจาก ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อบทบาทของเขากับทีมดูน้อยลงเรื่อยๆ จากการมีปัญหาส่วนตัวกับ โชเซ่ มูรินโญ่ และเมื่อได้รับโอกาสลงสนามก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้เช่นเดียวกับสมัยเล่นให้ยูเวนตุส
เรื่องดังกล่าวอาจทำให้ ฟาฟร์ เข้ามาทำให้ ป็อกบา โชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง เนื่องจากกุนซือวัย 61 ปี ถือเป็นผู้ช่ำชองเรื่องการจัดการกับเหล่าซูเปอร์สตาร์โดยเฉพาะการรีดฟอร์มเก่งของนักเตะออกมา หลังเขาเคยชุบชีวิตให้ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าชาวอิตาลีกลับมายิงระเบิดได้อีกครั้งกับสโมสรนีซ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กุนซือระดับโลกอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่, เจอร์เก้น คล็อปป์ และ โรแบร์โต้ มันชินี่ ล้มเหลวในการจัดการกองหน้าจอมเกรียนรายนี้อย่างสิ้นเชิง
3. ปั้นดินให้เป็นดาว
ฟาฟร์ ถือเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการปั้นนักเตะดาวรุ่งให้กลายเป็นยอดแข้งมาแล้วมากมายทั้ง มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น, กรานิต ชาคา และ มาร์โก รอยส์ ซึ่งล้วนแล้วกลายมาเป็นผู้เล่นชั้นนำทั้งสิ้น สมัยที่ยังกุมบังเหียนที่กลัดบัค ในบุนเดสลีกา
รวมถึงนักเตะรายล่าสุดที่ดังเป็นพลุแตกอย่าง จาดอน ซานโช่ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษของ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเพิ่งขึ้นมาแจ้งเกิดได้ในซีซํ่นนี้ หลังจากกุนซือชาวสวิตฯ เข้ามากุมบังเหียนแทน โธมัส ทูเคิ่ล พร้อมพาทีมขึ้นไปรั้งจ่าฝูงในบุนเดสลีกา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา
ผลงานสุดยอดที่เยอรมนี
เราพอเข้าใจได้ว่าทำไม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถึงพยายามคว้าตัวเขาไปคุมทีมแทน โธมัส ทูเคิ่ล (แต่สุดท้ายก็เหลว) เพราะฟาฟร์เคยทำผลงานสุดติ่งแบบนี้ในบุนเดสลีกามาแล้ว เรื่องราวเริ่มต้นในฤดูกาล 2008/09 เมื่อเขาทำให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ระเบิดฟอร์มคว้าอันดับ 4 ได้สำเร็จ
จากนั้นฟาฟร์ก็ไปคุม โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัด ซึ่งกำลังหนีตกชั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ก่อนจะพาทีมหนีตกชั้น และพลิกโฉมทีมสู่ความสำเร็จด้วยการจบอันดับ 4 เมื่อปี 2012 และอันดับ 3 ในอีก 3 ปีต่อมา เขายังเป็นกุนซือที่ผู้เล่นรัก แถมบางคนยังตามไปร่วมงานต่อทุกที่ที่ไป อย่างเช่น ราฟฟาเอล กองกลางชาวบราซิลที่แจ้งเกิดกับ เอฟซี ซูริก เมื่อปี 2005 ร่วมงานกับฟาฟร์ที่แฮร์ธ่า ก่อนตอบแทนความไว้วางใจอีกครั้งที่กลัดบัด
อีกคนที่ถูกพูดถึงหนีไม่พ้น ดานเต้ กองหลังตัวกลางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักสมัยวัยรุ่น เติมเต็มศักยภาพภายใต้การชี้แนะของฟาฟร์ที่กลัดบัด ก่อนโด่งดังสุดขีดกับ บาเยิร์น มิวนิค และตอนนี้เขาก็กลับมาร่วมงานกับอาจารย์ของเขาอีกครั้งที่นีซ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เคยร่วมงานกับฟาฟร์ ทั้ง มาร์ค-อันเดร แทร์ สแตเก้น ผู้รักษาประตูบาร์เซโลน่า และ กรานิต ชาก้า กองกลางอาร์เซนอล เชื่อเถอะ รายชื่อดังกล่าวไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่
ที่มา – siamsport, fourfourtwo
